วันพฤหัสบดีที่ 9 กันยายน พ.ศ. 2553

สารสมุนไพรใช้กำจัดเซลล์มะเร็ง

  1. สารจากเห็ดหลินจือ ช่วยยับยั้งการเจริญเติบโตของเซลล์เนื้องอกและเซลล์มะเร็งให้หายได้
  2. สารซัลโฟราแฟล จากผับบร็อคโคลีดิบๆ จะไปทำลายรหัสพันธุกรรมใน DNA ที่อยู่ตอนกลางของนิวเคลียสของมะเร็งให้หายไป
  3. สารไฟโตรเคอรอล ในเหงือกปลาหมอ จะไปทำลายเอนไซม์มะเร็งที่ชื่อว่า Hyalurodeness ที่คอยทำลายสารพวกไฮยาลีน ให้เสื่อมสภาพลงได้
  4. สารเคอซีตีน ในหนุมานปรสานกาย จะช่วยให้ย่อย สลายเอนไซม์อะมิโนเปปติเดสที่ใช้ย่อยสลายสารประกอบของโปรตีนในเซลล์มะเร็งให้หายได้ เอาน้ำมาดื่ม
  5. สารอะมายคาติน ในหัวกระเทียม จะไปทำลายเอนไซม์โปรตตเอสที่ใช้ย่อยสลายโปรตีนในร่างกายเพื่อการเจริญเติบโตของเซลล์มะเร็งให้หายไป
  6. สารไฟโตนิวเตรียนส์ ในหัวบีตรูด จะดูดซับสารพิษในร่างกายและทำลายเซลล์มะเร็งในลำไส้ให้หมดไป ช่วยในการขับถ่ายให้ดีขึ้น เอาน้ำมาดื่ม
  7. สาร Beta-carotene, Carotenoid และ Flavonoid จะไปทำลายสารพิษตกค้างและสารอนุมูลอิสระในการทำลาย Oxidation ให้หมดไปจากร่างกาย
  8. สารจากเกสรดอกไม้ ประกอบด้วย Beta-Carotene,Lycocine,Flavqnoid และ Chlorophyll จะช่วยทำลาย Anti-oxidant ในอนุมูลอิสระให้หมดไป
  9. ยาน้ำสมุนไพรจีน สรรพคุณสูงจากประเทศจีนแผ่นดินใหญ่สามารถกำจัดเซลล์มะเร็งให้หายได้อย่างอัศจรรย์
  10. กระดูกปลาฉลาม มีสารไคตีน ช่วยกำจัดเซลล์เนื้อร้ายให้หายไปได้
  11. ไวน์ที่ทำจากองุ่นแดง มีสารเรสเวอราตอล ช่วยทำลายสารอนุมูลอิสระให้หมดไป ทำให้การทำงานของหัวใจดีขึ้น และมะเร็งเต้านมหายได้ ทำให้เซลล์เนื้อร้ายมีขนาดเล็กลงและหายไปในที่สุด
  12. เปลือกสับปะรด แกนสับปะรด มีสารไฟโตรนิวเตรียนส์ ช่วยดูดซับสารพิษออกจากร่างกาย กำจัดเซลล์มะเร็งในลำไส้ใหญ่ให้หมดไป รับประทานทุกวันสลับกันไปเรื่อยๆ
  13. น้ำแอปเปิล มีสารต่อต้านเซลล์มะเร็งให้เล็กลงและหายไปได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งมะเร็งทรวงอกและมะเร็งเต้านม

วันพุธที่ 8 กันยายน พ.ศ. 2553

สารก่อมะเร็ง


สารก่อมะเร็ง เรียกว่า คาร์ซิโนเจน ( Carcinogen ) คือ สารพิษปนเปื้อนในสิ่งต่างๆ ดังนี้


  1. สารพิษจากอากาศ ผงฝุ่น เชื้อโรค ไอพิษจากการจราจร และโลหะหนักเป็นต้น

  2. สารพิษจากอาหาร มีสารพิษปนเปื้อนมากับน้ำ จากการล้างจานไม่สะอาด มีสารพิษที่ปนมากับอาหาร ยาฆ่าแมลง ปุ๋ยเคมี สารที่ทำให้เนื้อแดงน่ากินเป็นต้น

  3. สารพิษที่ติดมากับคน เช่น มีเชื้อโรคบางชนิดที่แพร่กระจายได้ด้วยน้ำลาย เช่น ไวรัสตับอักเสบบางชนิด การรับประทานอาหารร่วมกันโดยไม่มีช้อนกลาง การล้างจานชามไม่สะอาด

ตามปกติร่างกายสามารถกำจัดสารพิษบางอย่างได้ แต่หากมีการรับเข้าไปมากเกินก็จะเกิดการสะสม ไม่สามารถขจัดได้หมด เช่นพิษตะกั่ว


วันอาทิตย์ที่ 5 กันยายน พ.ศ. 2553

วิตามิน E มีประโยชน์


คณะอุตสาหกรรมเกษตรเปิดเฝยว่าวิตามิน E เป็นวิตามินที่ละลายไขมันในร่างกายได้ แหล่งของวิตามิน E คือผักใบเขียว ตับ ไข่แดง น้ำมันพืชและไขมันในนม แหล่งพบมากที่สุดคือพวกถั่วและคัพภ์ของข้าวสาลี ( ข้าวที่ตั้งท้องยังออกรวง ) เป็นต้น


หน้าที่ของวิตามิน E


  1. เป็นสารป้องกันการเหม็นหึน

  2. ป้องกันการเกิด Oxidation ของกรดไขมันชนิดไม่อิ่มตัว

  3. ช่วยในการทำงานร่วมกับวิตามิน A

  4. เป็น Co-factor ร่วมของเอนไซม์ ที่มีบทบาทในกระบวนการสร้างพลังงานให้กับร่างกาย

ปัจจุบันข้อมูลผลงานทางการวิจัยรายงานว่าเมื่อมร่างกายได้รับสารวิตามิน E อย่างสม่ำเสมอจะช่วยป้องกันโรคได้หลายชนิดคือ หวัด วัณโรค หัวใจ ไขข้ออักเสบ มะเร็ง และโรคความจำเสื่อม เป็นต้น


การรับประทานวิตามิน E



  1. รับประทานเป็นอาหารเสริมวันละ 100-200 I.U. ( หน่วยสากล )

  2. รับประทานเป็นยารักษาโรควันละ 100-400 I.U.( หน่วยสากล ) จะรับประทานพร้อมกับอาหารมื้อกลางวันหรือเย็นก็ได้

วิตามิน E จะดูดซึมพร้อมกับอาหารพวกไขมัน ถ้ารับประทานมากเกินไปก็จะเกิดโทษคือ



  1. เกิดการเสียสมดุลของอาหารในร่างกาย

  2. ไม่ควรรับประทานก่อนการผ่าตัดเพราะจะทำให้เลือดออกมาก

  3. คนที่เป็นโรคต่อมไทรอยด์และโรคหัวใจไม่ควรรับประทาน


วันพฤหัสบดีที่ 2 กันยายน พ.ศ. 2553

ไวน์แดงมีฤทธิ์ต้านมะเร็งทรวงอก


นักวิทยาศาสตร์สหรัฐอเมริกาพบสรรพคุณของไวส์แดงว่าสามารถรักษามะเร็งของทรวงอกได้ และยังทำให้เนื้อร้ายมีขนาดเล็กลงได้ นอกจากนี้ยังพบว่าไวน์แดงช่วยป้องกันไม่ให้เกิดความเสียหายเมื่อเกิดหลอดเลือดในสมองตีบหรือแตกได้ เนื่องจากมีสารประกอบในการล้างสารเคมีที่เป็นพิษออกจากสมองให้หมดไปได้

สารไวน์แดงมีชื่อว่า เรสเวอราตรอล จะทำลายอนุมูลอิสระที่เกิดขึ้นในร่างกายให้หมดไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสมองจะไม่เกิดความเสียหายทำให้เส้นสมองแตกหรืออุดตันแต่อย่างใด

สำหรับผู้ที่เป็นมะเร็งในระยะแรกๆ ให้ใช้สมุนไพรของหลวงพ่อ จรัญ แห่งวัดอัมพวัน จ. สิงห์บุรี ดังนี้

1. บอระเพ็ด 1 กิโลกรัม

2. เกลือเม็ด 1 กิโลกรัม

3.หัวไพลเหลือง 1 กิโลกรัม

นำเอาบอระเพ็ดมาตำให้แตกเป็นเส้นๆ แล้วใส่ไว้โหล ต่อจากนั้นก็นำหัวไพลเหลืองมาทุบให้แบนแล้นำมาไว้ในโหล ให้ใส่เกลือเม็ดลงไปในขวดโหลเดียวกัน แล้วปิดฝาให้เรียบร้อยประมาณ 15 วัน จะมีน้ำใสๆ เกิดขึ้น ให้นำมาดื่มในตอนเช้า 1 ครั้งและในตอนเย็น 1 ครั้งๆ ละ 30 มิลลิลิตร ดื่มจนกว่าจะหายจากโรคมะเร็ง

เมื่อหายดีแล้วให้ทำบุญใส่บาตรให้กับเจ้ากรรมนายเวรและทำบุญกับหลวงพ่อจรัญแห่งวัดอำพวันที่ได้บอกบุญสูตรยานี้มา