
ตามปกติน้ำที่อยู่ในร่างกายของคนเรา มีร้อยละ 70% ซึ่งจะมีส่วนที่เป็นกล้ามเนื้อ เนื้อเยื่อ ไขมัน กระดูก เส้นเลือด พังผืด อวัยวะ
อื่นๆ ภายในร่างกายรวมแล้วมีเพียงร้อยละ 30 เท่านั้น
น้ำจะซึมผ่านไปทั่วอณูของร่างกาย โดยจะเข้าไปแทรกอยู่ในส่วนต่างๆ ของอวัยวะในร่างกาย ดังนั้นปริมาณของน้ำจะมีมากพอสมควรเมื่อเทียบกันน้ำหนัก
ตัวที่มีอยู่ในร่างกาย
คนที่มีสภาพปกติไม่มีโรคภัยไข้เจ็บเกิดขึ้นในร่างกาย น้ำจะไหลเวียนไปตามส่วนต่างๆ ของร่างกาย และจะถูกขับออกเป็นเหงื่อ และทางปัสวะ ดังนั้นจึงทำให้ร่างกายอยู่ในสภาพปกติ ( Homeostasis ) เกิดความสมดุลได้
น้ำจะทำหน้าที่ควบคุมอุณหภูมิของร่างกายไม่ให้หนาวเกินไป จะไม่ให้ร้อนเกินไป น้ำจะทำให้ร่ายกายเกิดความอบอุ่นและรู้สึกสบายตัว ซึ่งโดยปกติคนเราจะมีอุณหภูมิในร่างกายประมาณ 37 องศาเซลเซียส ซึ่งเป็นอุณหภูมิที่ทำให้คนเราอยู่อย่างสบายๆ
แต่คนเราที่มีโรคหรือเป็นโรค โดยเฉพาะอย่างยิ่งโรคที่ไม่มีเชื้อโรค อันได้แก่ โรคหัวใจ เบาหวาน ความดัน มะเร็ง โรคไต เป็นต้น โรคนี้ส่วนหนึ่งร่างกายเกิดการเสื่อมสภาพเพราะเก็บสะสมสารพิษ หรือสารเคมีไว้นาน ทำให้ร่างกายไม่สามารถขจัด สารพิษออกจากร่างกายได้ กระบวนการเปลี่ยนแปลงเซลล์เนื้อเยื่อ จึงเกิดขึ้น ทำให้เนื้อเยื่อในส่วนที่เก็บสะสมสารพิษถูกทำลาย เกิดการเสื่อมสภาพ และถ้าเป็นมากอย่างรุนแรงเซลล์เนื้อเยื่อเหล่านั้นเกิดการกลายพันธุ์โดย DNA
( Deoxyribo Nucleic Acid ) ถูกทำลายโดยการเปลี่ยนแปลงรหัสพันธุกรรมไป ก็จะเกิดเป็นเซลล์เนื้อร้าย คอยทำลายเซลล์เนื้อดีให้สูญสลายไปด้วย ที่เราเรียกกันว่ามะเร็งนั่นเอง
ดังนั้นคนที่เป็นโรคร่างกายจะเสื่อมสถาพ ต่อมต่างๆ ในร่างกายจะมีบางตัวหยุดการทำงานหรือว่าทำงานช้าลง จึงทำให้ผลิตฮอร์โมนออกมาน้อยเกินไป หรือไม่ผลิตฮอร์โมนออกมาเลยก็มี ประกอบกับร่างกายไม่ได้ออกกำลังกาย อย่างต่อเนื่องเป็นเวลานาน ก็จะมีผลต่อปริมาณของน้ำในร่างกายเกิดล้นท่วมเซลล์เนื้อเยื่อต่างๆ เพราะร่างกายไม่สามารถขับของเสียและทำให้ออกจากร่างกายนั่นเอง สภาพเช่นนี้ร่างกายจะขาดความสมดุลโดยทันที
ปรากฏการณ์เช่นนี้จะเกิดกับคนที่เป็นโรคหัวใจ โรคเบาหวาน ความดันโลหิตสูง โรคไต และเป็นกับคนที่มีอายุตั้งแต่วัยผู้ใหญ่จนถึงวัยกลางคน แตะจะพบกับบุคคลในวัยเด็กและในวัยหนุ่มสาวได้ในปริมาณน้อย
น้ำจะเป็นตัวทำปฏิกิริยาต่อร่างกายซึ่งมีส่วนสัมพันธ์กับระบบ เลือดแดง ( Red Blood Cell System ) เพื่อทำให้เกิดความดันขึ้นในร่างกาย ถ้าหากคนเรานั้นมีน้ำขังอยู่ในร่างกายมากเกินไป ก็จะเกิดปรากฏการณ์ ที่ทำให้เกิดความดันโลหิตสูง โดยวัดค่าจากเครื่องมือวัดความดัน ออกมาเป็นมิลลิเมตรต่อปรอท ซึ่งปกติเราจะมีค่าความดันของตัวล่างและบนอยู่ที่มิลลิเมตรต่อปรอท
คนที่มีค่าความดันตัวล่างสูงกว่า 80 มิลลิเมตร ต่อปรอทขึ้นไปมากๆ จะมีผลต่อระบบเส้นเลือดฝอยในสมอง ทำให้เส้นเลือดฝอยในสมองแตกได้โดยง่าย เมื่อเส้นเลือดแตกภาพที่ปรากฏออกมาให้เห็นได้ก็คือ คนคนนั้นจะเป็นอัมภาตไปโดยปริยาย และถ้าเป็นมาก ก็จะล้มหัวฟาดพื้นอาจทำให้เสียชีวิตได้โดยง่าย ดังนั้นจึงจำเป็นต้องควบคุมความดันโลหิตในร่างกายไม่ให้สูงจนเกินไป
ประการที่ 1 คือการจำกัดเรื่องเครื่องดื่มที่จะเข้าไปไหลเวียนนำพาของเสียออกมาจากร่างกายให้น้อยลง เพราะคนไม่สบายก็ไม่คิดทำงานหนักอยู่แล้ว
ดังนั้นควรดื่มน้ำที่สะอาด 3-4 แก้วก็พอ
ประการที่ 2 คือไม่ควรให้เกิดความตึงเครียด ( Tesion or Stress ) ดังนั้นควรปล่อยวางเรื่องราวต่างๆ ในชีวิตประจำวันลงบ้าง
ประการที่ 3 ควรลดความวิตกกังวล ( Anxiety ) ลงอย่าเกิดความกลัว อย่ากังวลว่าเราเป็นโรค ทำใจให้สบาย คิดว่าร่างกายก็เป็นอย่างนี้ได้ทุกคน หนทางบำบัดรักษาโรคย่อมมีทางหายและเอาชนะโรคได้ บางคนก็ถูกกับแพทย์แผนปัจจุบัน ถ้าไปกินตามแพทย์สั่งก็จะหายได้ แต่งบางคนถูกับแพทย์แผนไทย มากินยาสมุนไพรก็หายได้เช่นกัน ดังนั้นจงจำไว้ว่า ร่างกายของคนแต่ละคนไม่เหมือนกัน ดังจะเห็นได้จากการสร้างโรงงานอุตสาหกรรมต่างๆ ยังออกแบบตัวโรงงานและเครื่องจักรไม่เหมือนกัน คนเราก็เหมือนกันเพราะอะไร ก็เพราะคนเรากินอาหารไม่เหมือนกันนั่นเอง บางคนชอบ รสเผ็ด หวาน มัน เปรี้ยว แตกต่างกัน ที่สำคัญ คนเราได้รับสารพิษไม่เหมือนกันนั่นเอง ถ้าบางคนได้รับสารพิษน้อย และยังมีภูมิคุ้มกันแข็งแรงดีก็ไม่เป็นอะไร แต่บางคนได้รับสารพิษมากเกิน เก็บสะสมไว้นานจนล้นและภูมิต้านทานโรคอ่อนแอ เซลล์เม็ดเลือดขาวผลิดออกมาไม่ทันหรือน้อยเกินไป ก็จะทำให้ไม่สามารถขจัดสารพิษให้ออกจากร่างกายไปได้ก็เกิดกรดขึ้นได้ ซึ่งจะเป็นผลร้ายต่อชีวิตของเราในวันข้างหน้าที่จะต้องผจญภัยกับโรคภัยไขเจ็บอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
น้ำที่เราดื่มเข้าไปควรเป็นน้ำที่สะอาด ปราศจากตะกอนขุ่นของสารแขวนลอยต่างๆ เพระจะมีผลกับการทำงานของไตโดยตรง น้ำที่ดีและมีคุณภาพจะต้องมีความเป็นกรดด่างในปริมาณที่พอเหมาะ ไม่เป็นด่างมากเกินไปหรือเป็นกรดมากเกินไป ล้วนเป็นอันตรายต่อร่างกายด้วยกันทั้งสิ้น ทางที่ดีควรทำให้น้ำบริสุทธิ์หรือมีค่าความเป็นด่างเป็นกรด อยู่ที่ 5-6 Ph ก็ถือว่าใช้ได้